Sunday, October 2, 2011

MLM Morseng 10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี ,คุณก็ทำได้ You can do It 020 22228597, 56999579

10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี
เมื่อรู้ความต่าง จึงสร้างทางใหม่
สู่ความมั่งคั่ง อย่างไม่มีประมาณ
Mr Kham Phat Tel:020 22228597


เนื้อหา
ผู้คนในสังคมแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คนจนมาก คนจน คนชั้นกลาง คนรวย และ คนรวยมากหรือมหาเศรษฐี แต่ ละกลุ่มก็จะคิดเรื่องเงินไม่เหมือนกัน เพราะความจริง จุดเริ่มต้นของความจนมาจากความคิด เช่นเดียวกันคนที่เป็นมหาเศรษฐี หรืออยากจะเป็นก็ต้องเริ่มจากความคิดเหมือนกัน...
ความคิดและทัศนคติ คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนจน ขยับชั้นเป็นมหาเศรษฐีได้!
คนรวยคิดไกล คนจนคิดใกล้
คนรวยอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง คนจนถูกความเปลี่ยนแปลงคุกคาม
คนรวยพูดถึงความคิดริเริ่มใหม่ๆ คนจนพูดถึงแต่เรื่องอื่นและคนอื่น
คนรวยตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนจนตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตนเอง คนจนคิดว่าการเรียนนั้นจบที่สถานศึกษา แต่มหาเศรษฐีเรียนรู้และเติบโตไม่หยุดยั้ง
คนที่จนมากคิดเพียงว่าจะมีอะไรกินวันต่อวัน คนจนจะคิดเรื่องปากท้องเป็นรายอาทิตย์ คนชั้นกลางจะเริ่มมองเป็นรายเดือน คนรวยเริ่มมองไกลเป็นรายปี และคนรวยระดับเศรษฐีก็จะดีดลูกคิดกันในระดับทศวรรษหรือเป็นสิบปี ฯลฯ
เพราะความคิดต่าง จึงแบ่งแยกคนรวยกับคนจน
เพราะความคิดต่าง คนจนก็ยังจนอยู่วันยังค่ำ คนรวยก็รวยเอารวยเอา !
ถ้า คุณคือคนที่ยังคร่ำเคร่งกับการหาเงิน หัวหมุนกับปัญหาหนี้สิน รายรับไม่พอกับรายจ่าย ขอให้คุณพักเรื่องเหล่านี้เสีย แล้วเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะพบคำตอบดีๆ ที่จะนำพาชีวิตคุณไปสู่การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความจน ยิ่งกว่านั้นคุณจะพบว่า การเป็นมหาเศรษฐี เป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณเข้าถึงกระบวนความคิดของเศรษฐี และหลีกเลี่ยงความคิดที่นำไปสู่ความจน เพียงคุณนำความคิดของบรรดามหาเศรษฐี มาประยุกต์กับความคิดของคุณ ปรับใช้ให้เหมาะสม ไม่นานคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณอย่างชัดเจน เพราะความคิดต่างนี่แหละ คือ ก้าวที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณเป็น มหาเศรษฐี ได้
ถ้าจะให้สรุปถึงหนังสือเล่มนี้ คงนิยามได้คำเดียวว่า โดนหัวใจคนจนจริงๆ!
สารบัญ
หมายเหตุเกี่ยวกับการจัดลำดับของความต่างแต่ละข้อ
ความต่างข้อที่ 10 มหาเศรษฐีคิดไกล คนชั้นกลางคิดใกล้
ความต่างข้อที่ 9 มหาเศรษฐีพูดถึงความคิดริเริ่มใหม่ๆ คนชั้นกลางพูดแต่เรื่องอื่นและคนอื่น
ความต่างข้อที่ 8 มหาเศรษฐีอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางถูกความเปลี่ยนแปลงคุกคาม
ความต่างข้อที่ 7มหาเศรษฐีเสี่ยงหลังจากคิดคำนวณ คนชั้นกลางกลัวเสี่ยง
ความต่างข้อที่ 6 คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนนั้นจบที่สถานศึกษา แต่มหาเศรษฐีเรียนรู้และเติบโตไม่หยุดยั้ง
ความต่างข้อที่ 5 มหาเศรษฐีทำงานมุ่งหวังผลกำไร คนชั้นกลางตั้งใจทำงานเพื่อค่าแรง
ความต่างข้อที่ 4 มหาเศรษฐีเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนใจกว้าง คนชั้นกลางเชื่อว่าเขามีไม่พอเผื่อแผ่
ความต่างข้อที่ 3มหาเศรษฐีมีแหล่งรายได้หลายทาง คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสอง
ความต่างข้อที่ 2มหาเศรษฐีมุ่งเพิ่มมูลค่าสุทธิ คนชั้นกลางคิดแต่ขึ้นเงินเดือน
ความต่างข้อที่ 1มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนชั้นกลางตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตัวเอง
เอาล่ะ แล้วไงต่อ
คำนำสำนักพิมพ์
มหาเศรษฐีย่อมใช้เงินให้ทำงาน
คนชั้นกลางยังทำงานหนักให้ได้เงิน!
นี่คือความจริงที่คุณกำลังเผชิญอยู่ใช่หรือไม่?
ถ้า ใช่ แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในสภาพหนูปั่นจักร ตั้งแต่ตื่นเช้า ไปทำงาน หาเงินใช้หนี้ เหนื่อย นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ทุกวัน ชีวิตก็ไม่ต่างกับติดอยู่ในวังวนของปากกัดตีนถีบ เมื่อวันหนึ่งเรี่ยวแรงคุณหมด ท้อถอย หรือเจ็บป่วย ชีวิตจะเดินลงสู่หุบเหวและล้มเหลวจนคุณปฏิเสธไม่ได้
สิ่ง ที่กำลังจะตามมาอีกระลอกคือ รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย หนี้สินเพิ่มทวีคูณ จากที่สะดวกสบายกลายเป็นลำบาก ความสุขกลายเป็นความทุกข์ สิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณอยากลาโลกนี้ไปเพื่อหนีปัญหาให้มันจบๆ ไป นี่คือความจริงที่กำลังเกิดกับมนุษย์เงินเดือน คนที่หาเช้ากินคำ ฯลฯ
ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะออกจากวงจรนี้!
หนังสือ เล่มนี้จะสร้างปรากฏการณ์ 10 ความต่างที่เป็นรูปธรรมให้คุณเห็นเส้นทางของมหาเศรษฐี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงการเป็นมหาเศรษฐี และจะตอกย้ำให้เห็นว่า การเป็นมหาเศรษฐีนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
จงสร้าง นิสัยมหาเศรษฐีตั้งแต่วินาทีนี้ นี่คือจุดเปลี่ยนได้เกิดขึ้นกับชีวิตคุณแล้ว ถ้าคุณปฏิบัติตามเช่นนี้ต่อไปหยุดยั้ง ไม่นานคุณเตรียมเขียนใบลาออกจากความจนได้เลย!

(*) หมายเหตุเกี่ยวกับลำดับความต่างแต่ละข้อ: 10 ความต่าง สร้างมหาเศรษฐี
คนชั้นกลางคิดว่า การเรียนรู้นั้นจะจบที่สถานศึกษา
แต่บรรดามหาเศรษฐีจะเรียนรู้ และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
หนังสือ เล่มนี้ เป็นการจัดลำดับความต่างแต่ละข้อตามความสำคัญจากน้อยไปมาก การจัดลำดับแบบนี้ ผมอาศัยพื้นฐานจากประสบการณ์การเป็นเจ้าของธุรกิจของผมเอง จากความสำเร็จและความล้มเหลวของมหาเศรษฐีรายอื่นๆ
ผมเชื่อว่า ความต่างข้อที่ 10มหาเศรษฐีคิดไกล คนชั้นกลางคิดใกล้นั้นคือจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จที่จำเป็นมาก เพราะมันทำให้คุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่คนส่วนมากกลับไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขาไม่ต้องการ แต่ไม่เคยตั้งเป้าหมายกับสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ส่วนความสำคัญของความต่างข้อที่เก้าไปจนถึงข้อสองนั้น คุณนำไปเรียงลำดับใหม่ให้เข้ากับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงได้
ตัวอย่างเช่น ชีวิตคุณในระยะนี้ความต่างข้อที่เจ็ด อาจสำคัญกับคุณมากกว่าลำดับที่สาม ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นลำดับใดหรือข้อไหนก็ตาม ที่ดูเหมือนจะกระทบใจคุณขึ้นมา จงฟัง แล้วเปิดใจเรียนรู้ว่าชีวิตกำลังจะสอนอะไร
เมื่อคุณ ศึกษาความต่างทั้งหมดไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าคุณจะค้นพบความสำคัญของความต่างข้อที่ 1 “มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนชั้นกลางตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตัวเองว่าเป็นข้อที่ควรให้ความสนใจและนำไปใช้พัฒนาอย่างสม่ำเสมอมากที่สุดในชีวิต
พึงระลึกเสมอว่า ความสำเร็จเปรียบเสมือนการเดินทาง ดังนั้น ทั้งจุดหมายและเส้นทางที่ใช้ จึงมักก่อสร้างไม่สิ้นสุด
ถ้าคุณเชื่อว่า ทุกอย่างยังมีพอ คุณจะมองหาอิสรภาพ ดังคำพูดที่ว่า จงค้นหา แล้วคุณจะพบมัน นั้นเป็นจริงแน่นอน ยิ่งคุณขยายแนวคิดทางการเงินไปในอนาคตได้ไกลเท่าไร จะยิ่งรวยขึ้นเท่านั้น บรรดามหาเศรษฐีทั้งหลาย ล้วนมีการวางแผนธุรกิจสู่อนาคตเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปีทั้งสิ้น-
คำนำผู้เขียน
ทำไมผมเขียนหนังสือเล่มนี้ มีสามเหตุผลด้วยกันที่ทำให้ผมเขียนหนังสือเล่มนี้
เหตุผลที่หนึ่ง คือความรับผิดชอบ ผมเชื่ออย่างจริงใจ ว่า เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบในการแบ่งปันอะไรก็ตาม ที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ในชีวิตแก่กันและกัน หลายปีก่อนผมเริ่มมองหา และได้พบชายหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิต ซึ่งยอมสละเวลาอันมีค่าถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้ผม ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ความเชื่อ ความคิดริเริ่มใหม่ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นพลังผลักดันให้พวกเขามีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เมื่อผมเริ่มนำปรัชญาของพวกเขามาปรับใช้กับชีวิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
นอกจากการได้เรียนรู้ จากบุคคลที่ทรงพลังเหล่านั้นแล้ว ผมยังได้อ่านหนังสืออีกหลายเล่มเพื่อปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น พร้อมคำชี้แนะสิ่งต่างๆ ที่ทั้งเป็นการส่วนตัวและการอ่านนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งต่อการเดินทางสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมหาเศรษฐีมา อย่างนับไม่ถ้วน
เมื่อมีหนังสือดีๆ นับพันเล่มที่เขียนเกี่ยวกับความสำเร็จอยู่แล้ว ทำไมยังต้องเขียนเล่มนี้อีก คำตอบก็คือหนังสือแต่ละเล่มที่ผมอ่านนั้น เปิดเผยแง่มุมสู่ความสำเร็จแตกต่างกันออกไป บางครั้งเจ้าความแตกต่างเล็กน้อยนี้เอง ที่ส่งผลอย่างมากต่อความเข้าใจของเรา ในบางครั้ง บางคนอาจอธิบายหลักการบางเรื่องด้วยวิธีการบางอย่างเท่านั้นจึงจะจุดประกาย ความคิดเราได้
เช่นกันกับหนังสือเล่มนี้ มันจะเปิดเผยอีกมุมมองหนึ่งซึ่งต่างออกไป เพื่อการก้าวสู่ความสำเร็จ แม้มีแนวคิดมากมายในหนังสือเล่มนี้จะถูกถ่ายทอดบอกสอนกันมาโดยบรมครูคนแล้ว คนเล่า แต่ผมก็เห็นว่ายังมีอีกหลายแง่มุมที่ผมไม่เคยได้ยินได้อ่านจากไหนมาก่อน หากแต่เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ที่ล้มเหลวหรือสำเร็จมาแล้วด้วยตัวเอง ซึ่งผมรู้ว่าจะต้องสื่อถึงคนส่วนมากได้แน่
ผมขอกล่าวอย่าง ซื่อสัตย์ว่า ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยแรงบันดาลใจ ทุกคนประหลาดใจกันมากเมื่อถามผมว่าใช้เวลาเขียนเล่มนี้นานเท่าไร ผมตอบไปว่า เจ็ดวัน ตอนนั้นผมอยู่ที่กระท่อมหลังเล็กในภูเขาสโมกี้ ไม่มีกระดาษโน้ตอะไรทั้งนั้น ผมแค่นั่งลง แล้วเริ่มพิมพ์ถ้อยคำต่างๆ หลั่งไหลออกมาจากผู้ที่ผมกลายมาเป็น แน่นอนที่ผมได้ศึกษาเรื่องสูตรแห่งความสำเร็จมาหลายปี รวมทั้งเรียนรู้จากการผจญภัยของชีวิตที่มีขึ้น มีลง ในฐานะเจ้าของกิจการ ผมไม่เพียงแต่บอกสอนถึง ความต่าง 10 ประการ ในหนังสือเล่มนี้ แต่ผมปฏิบัติสิ่งเหล่านั้นอยู่ทุกวัน มันคือส่วนหนึ่งของความเป็นผมเลยทีเดียว
เหตุผลที่สอง ที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้คือจุดมุ่งหมายในชีวิต ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีสิ่งที่เปรียบเสมือนเพลงโปรดที่เราตั้งใจจะร้องอย่างดี จนจบ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเพลงนั้น ผมรู้สึกว่าตนเองบรรลุจุดมุ่งหมายทุกครั้งที่มีโอกาสสอนหลักการเหล่านี้ และทุกครั้งที่ใครบางคนมีโอกาสบอกผมว่า พวกเขาได้นำมันไปใช้ แล้วเกิดผลที่น่าพอใจกับชีวิตอย่างไร
เหตุผลที่สาม คือ มรดก สิ่งเหล่านี้คือองค์ความรู้ และหลักการดำเนินชีวิตที่ผมตั้งใจจะให้ตกทอดเป็นมรดกสู่ลูกหลาน ในวันที่ผมจากไปแล้ว ลูกผมอาจจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน แล้วจดจำบทเรียนบางส่วนที่พ่อเคยสอนไว้ได้บ้าง
หนังสือที่ผม เคยอ่านบางเล่ม เขียนไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน บางเล่มก็เป็นร้อยปี ใครจะรู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะอยู่ที่ไหนเมื่ออีกร้อยปีผ่านไป ผมเชื่อว่า ความต่าง 10 ประการนี้ จะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในอีกร้อยปีข้างหน้า เหมือนที่มันมีประโยชน์ในวันนี้
ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ
การบรรลุเป้าหมายชีวิต และมรดกตกทอดซึ่งเป็นเหตุผล
คำนำผู้แปล
นับ เป็นหนังสือที่โดนใจอย่างมาก เมื่อทางสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีเปิดโอกาสให้ผู้แปลได้ลองทำงานในด้านที่ตัวเอง ฝันมานาน ด้วยการแปลหนังสือ The Top10 Distinctions Between Millionaires and the Middle Class หรือ “10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี ทั้งผมเองก็ทึกทักเอาว่า ผมน่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาชนชั้นกลางกับเขาด้วยเช่นกัน ทำให้การแปลหนังสือเล่มนี้เป็นไปอย่างผู้ไม่รู้ที่อยากรู้ สนุก และเต็มไปด้วยการได้เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอด
สำหรับผู้ แต่งหนังสือเล่มนี้นั้น นอกจากเป็นนักเขียนแล้ว เขายังเป็นนักพูดชั้นยอดที่สร้างแรงบันดาลใจอีกด้วย ภาษาที่ถูกใช้และถ่ายทอดออกมาจึงมีลักษณะเป็นภาษาพูดที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย ซึ่งก็เป็นแนวที่โดนใจผมอย่างยิ่ง
โดยส่วนตัว แล้ว ผมคิดว่า สิ่งที่ผู้แปลได้เรียนรู้และเข้าใจจากการทำงานเล่มนี้คือ การเป็นมหาเศรษฐีที่แท้นั้น นอกจากจะร่ำรวยเงินทองแล้ว จะต้องร่ำรวยทางจิตใจด้วย
สัจธรรมนี้ชาวตะวันตกค้นพบและเริ่ม ยอมรับนั้น กลับสวนกระแสวัตถุนิยมที่ตนเองสร้างขึ้น ราวกับเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ออกมายืนยันว่า เมื่อถึงที่สุดแล้ว ความสุขภายนอกหาใช่ความสุขที่แท้และเป็นอิสระไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรนำมาคิดไตร่ตรองถึง ของดีที่พวกเรามีอยู่แล้วบ้างก็น่าจะช่วยตัดตอนระยะทางการขวนขวายดิ้นรนไล่ตาม ฝรั่งไปได้มาก
หากมีความผิดพลาดบกพร่องประการใด จากการแปลหนังสือเล่มนี้ ผู้แปลขออโหสิกรรมจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอขอบพระคุณอย่างสูง
พิบูลย์ อวัสดารุหโรจน
สารบัญ
บทที่ 1 ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้คุณก็จะทำได้ บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ : โรคแห่งความล้มเหลว บทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว บทที่ 4 วิธีการคิดใหญ่ บทที่ 5 วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์ บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น บทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมคุณ : เอาชั้นหนึ่ง บทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ บทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น บทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ บทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ บทที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต บทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ บทที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
:: เนื้อหาโดยสังเขป
พบ กับสุดยอดเทคนิคการคิดที่จะผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดคิด ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของ ดร.ชวาร์ตซ์ หนึ่งในสุดยอดผู้นำด้านแรงจูงใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณก้าวขึ้นมาเป็นนักขาย และนักจัดการชั้นเยี่ยม ทำให้คุณสามารถหารายได้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุด คุณจะพบกับความสุขที่แท้ในตนเอง
เนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยวิธีการที่ใช้ได้ผลจริง รวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่ถือเป็นวิธีต้นแบบ พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย ตลอดจนตารางการวางแผนชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ ให้คุณได้ปฏิบัติอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว และกิจกรรมต่างๆ ในสังคม เพียงแค่คุณ "คิด" และ "สร้างพฤติกรรมอย่างผู้ประสบความสำเร็จ" ทุกสิ่งที่คุณต้องการก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หากคุณเป็นอีกคนที่กล้าคิดใหญ่ และอยากประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้
:: ข้อมูลเพิ่มเติม
ขายดีมากกว่า 130,000 เล่ม

-
จงมั่นใจว่า คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ แล้วคุณจะเป็นเช่นที่คิด
-
เยียวยาตนเองจากโรคชอบแก้ตัว อันเป็นที่มาแห่งความล้มเหลว
-
สร้างความเชื่อมั่นและขจัดความกลัว
-
คิดและฝันในทางสร้างสรรค์
-
มีทัศนคติในแง่บวก
-
ลงมือปฏิบัติงาน
-
เปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
-
มีความคิดเป็นผู้นำ

คุณก็ทำได้
You can do it!
ถ้าอยากประสบความสำเร็จ จงอย่าผัดวันประกันพรุ่ง
ราชาแห่งแรงจูงใจของออสเตรเลีย
จะบอกวิธีที่จะทำให้คุณบินได้สูงขึ้นและไปได้ไกลขึ้น
เนื้อหา
เพื่อความสำเร็จ จงเป็นคนแรก จงมีความกล้า
จงทำให้แตกต่าง
เรย์ คร็อก
ผู้ก่อตั้งร้านอาหารแมคโดนัลด์
ความสำเร็จที่คุณเลือกได้ หนังสือเล่มนี้เน้นทัศนคติที่ดีในการทำงาน การให้กำลังใจแก่คนที่ท้อถอย การให้ความมั่นใจในการดำรงชีวิต
และให้ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น มั่นคงกว่าเดิม
เพราะพลังที่แท้จริงของมนุษย์นั้นจะมาจากแรงผลักดันภายในเสมอ
หนังสือ เล่มนี้จะปลุกพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในของทุกคน ที่ทำให้มนุษย์เราดึงเอาความรู้ความสามารถ หรือทรัพยากรที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ได้อย่างถูกวิธี ถูกที่ ถูกเวลา เพื่อจะทำให้ตนเองสมหวัง และขับเคลื่อนชีวิตไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พอล ฮันน่า นับเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจระดับแถวหน้า หนึ่งในชัยชนะที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตชีวิต เขาสูญเสียพ่อบังเกิดเกล้าในขณะที่อายุสิบสี่ปี และต้องออกจากโรงเรียนในวัยสิบหกปี แม้จะสอบตกวิชาภาษาอังกฤษ แต่เขาก็เดินหน้าต่อไป ทั้งได้ก่อตั้งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ผู้ เขียนได้สร้างแรงจูงใจให้คนอื่นๆ จากประสบการณ์ตรงของเขา ที่ได้ปลูกฝังให้ทุกคนทำในสิ่งที่ดีที่สุด ก้าวล้ำในชีวิตส่วนตัวและการงาน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงแก่พนักงานและธุรกิจ อีกทั้งจะต้องส่งพนักงานรุ่นต่อไปให้ได้รับโอกาสแบบเดียวกัน เขาใช้คำพูดง่ายๆ เป็นการเล่าเชิงอุปมาอุปไมยที่จะช่วยให้คุณได้คิดถึงตนเองและเป้าหมายส่วน ตัว ทำให้ผู้ฟังเกิดความกระปรี้กระเปร่า ท้าทาย มีชีวิตชีวา
ความสำเร็จ ของพนักงานจำนวนมาก นอกเหนือจากการมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ผลที่เกิดขึ้นในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มยอดขายนั้นถือว่าได้ผลดีมาก
การ ใช้เทคนิคง่ายๆ และข้อความที่มีอานุภาพจากนักพูดที่ประสบความสำเร็จ ได้สอนให้รู้ถึงวิธีควบคุมโชคชะตา และสนุกกับการเดินทางของชีวิต คำพูดที่ว่า ทัศนคติจะบ่งบอกถึงระดับความก้าวหน้าในชีวิตที่คุณจะขึ้นไปถึง
ถ้า ต้องการประสบความสำเร็จ คุณเท่านั้นจะทำให้มันเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีข้ออ้าง นั่นแสดงให้เราเห็นถึงวิธีที่จะขจัดอุปสรรคอันจะนำไปสู่ความสำเร็จ และกำหนดระดับความสำเร็จเอาไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็เดินตามแผนอย่างมุ่งมั่น
สุดท้าย คุณก็คว้าฝันจนได้!
สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1 ทัศนคติ คือทุกสิ่ง!
บทที่ 2 ความมั่นใจในตนเอง คือ คำตอบ
บทที่ 3 โชคดีและวิธีดึงดูดมันมาหาคุณ
บทที่ 4 การตั้งเป้าหมาย : วิธีที่จะทำสิ่งใดด้วยความใส่ใจมากขึ้นในชีวิต
บทที่ 5 ฉันเบื่อแล้ว - พอก็คือพอ!
บทที่ 6 คำพูดแห่งความสำเร็จ
บทที่ 7 ความกระตือรือร้นและความสำเร็จ
บทที่ 8 เปลี่ยนความท้อถอยเป็นความสำเร็จ
บทที่ 9 ให้อภัย และบำบัดรักษาชีวิตคุณ
บทที่ 10 ผู้เป็นครูจะเกิดขึ้นเมื่อลูกศิษย์มีความพร้อม บทที่ 11 การรับมือกับคนคิดลบ
บทที่ 12 การมอบหมายอำนาจและการจูงใจผู้อื่น
บทที่ 13 การดึงดูดสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิต
บทที่ 14 อานุภาพของการตระหนักรู้
บทที่ 15 การทำได้เกินความคาดหวัง - เราต่างก็ชอบมันทั้งนั้น!
บทที่ 16 ความสมดุล และการตอบสนองกลับ
บทที่ 17 การมองเห็นความยิ่งใหญ่ในตัวคนอื่น
ท้ายเล่ม
คำนำสำนักพิมพ์
ทางลัดที่จะประสบความสำเร็จ
คือต้องมีผู้ที่ประสบความสำเร็จ แล้วชี้นำ!
คุณ คงเคยเห็นภาพหรือเคยได้ฟังชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มีเงินทองใช้สอยได้อย่างสบาย ทำงานตามใจตัวเอง ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ (ยกเว้นอยากตั้งขึ้นมาเอง) มีอิสรภาพควบคู่กับความสุขที่ใครเห็นเป็นต้องอิจฉา
ความสมบูรณ์พร้อมเช่นนี้ ใช่ว่าจู่ๆ แล้วจะเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติหรือใครเสกให้
หนังสือ คุณก็ทำได้ You can do it! จะสร้างให้คุณเป็นอย่างที่อยากเป็น ได้อย่างที่อยากได้ และปฏิเสธคำว่า
จะทำได้เหรอ
คนอย่างเราคงทำได้แค่นี้
เราคงไม่มีโอกาสอย่างเขาหรอก
อย่างเราจะเอาอะไรไปสู้เขาหรือแม้กระทั่ง แค่ได้เกิดมาก็บุญแล้ว
ถ้าคุณยังเป็นเช่นนี้ ชีวิตก็จะมีแต่คำว่า หนี กลัว ทำไม่ได้ ยอมแพ้ ฯลฯ
มันคุ้มไหม กับการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ต้องล้มเหลวตลอดไป!
หนังสือ เล่มนี้จะปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณให้ตื่นขึ้นมา ด้วยผลงานจากปลายปากกาของ พอล ฮันน่า ผู้ที่ปฏิวัติตนเองออกจากความจน ครอบครัวที่สิ้นไร้ แล้วสร้างตัวเองจากสองมือเปล่า สู่การเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้ชาวออสเตรเลีย จนได้รับการยอมรับทั่วทั้งทวีป นั่นไม่ใช่เพราะเขาพูดเก่งหรือโน้มน้าวใจคนได้เท่านั้น แต่จากสิ่งที่เขานำมาเล่า และเขียนลงในหนังสือเล่มนี้ คือประสบการณ์จริง เป็นเรื่องจริงของคนที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ไม่ละทิ้งความพยายาม สุดท้ายก็ขึ้นทำเนียบคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างที่เขาต้องการ
หนังสือ เล่มนี้ ผู้เขียนได้ใช้ตัวเองเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า เพราะเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วทั้งชีวิต สิ่งที่เขาเขียนหรือกำลังบอก จึงเป็นแนวทางที่แน่นอนและตอกย้ำว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใด เมื่อเขาทำได้ คนอื่นๆ ก็ทำได้ แล้วทำไมตัวคุณเอง จะทำไม่ได้
นี่คือคำมั่นสัญญาของหนังสือเล่มนี้ ที่จะทำให้คุณ.... ทำได้!
คำนำผู้เรียบเรียง
พอล ฮันน่า เป็นนักพูดและนักสร้างแรงจูงใจชื่อดังของออสเตรเลีย นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเขียนหนังสือขายดีอีกหลายเล่ม องค์กรใหญ่ๆ ในออสเตรเลีย ต่างก็ส่งพนักงานมาเข้าร่วมสัมมนาที่เขาจัด เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้จัดการหนุ่มสาวของตน พอลได้ปลูกฝังให้พวกเขาใช้ศักยภาพในตัวเองให้มากที่สุด และใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิผลทั้งในชีวิตส่วนตัวและการงาน
แม้ คุณจะไม่ได้เข้าร่วมในสัมมนาของเขา แต่คุณก็สามารถเรียนรู้ถึงหลักการและได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อ ชีวิตได้จากหนังสือเล่มนี้!
พอลได้สร้างความสำเร็จให้ตนเองด้วยทัศนคติที่ว่า เขาเท่านั้นคือผู้ที่รับผิดชอบต่ออนาคตและความสำเร็จของตน!
ทัศนคติ นี้เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องสูญเสียบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวไปตั้งแต่เขามีอายุได้ เพียงสิบสี่ปี แต่ทว่า วิกฤตชีวิตในครั้งนั้นบีบบังคับให้เขาต้องเข้มแข็ง ต้องมุ่งมั่น ที่สำคัญคือต้องรู้จักพึ่งตัวของตัวเองเท่านั้น
เขามักจะเปรียบเปรยให้ผู้ฟังและผู้อ่านของเขาฟังว่า เราคือคนที่อยู่ในตำแหน่งผู้บังคับการในชีวิตเราเอง! ในทำนองเดียวกับเครื่องบิน 747 คุณเองก็มีระบบบินอัตโนมัติ ซึ่งก็คือ ภาพพจน์ที่คุณมองตนเอง มันเป็นตัวควบคุมระดับความสูงที่คุณบิน นั่นคือระดับความสำเร็จของคุณ
คุณคือผู้ตัดสินใจที่จะบิน ให้สูงขึ้น หรือต่ำลง ไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำแทนคุณได้ คำพูดที่คุณพูดกับตนเองในแต่ละวัน ความนับถือตนเอง จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณโปรแกรมระบบบินอัตโนมัติอย่างไร และคุณจะบินได้สูงแค่ไหนในชีวิตนี้
ทัศนคติของคุณจะควบคุมระดับความสำเร็จในชีวิต!
ถ้า คุณอยากบินให้สูงขึ้น ต้องเตรียมตัวให้พร้อมโดยตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้า แต่เป้าหมายที่ไม่มีเส้นตาย ก็ยังเป็นเพียงความฝันอยู่ร่ำไป คุณต้องกำหนดเส้นตายให้แก่เป้าหมาย และปฏิบัติให้ได้ตามแผน เมื่อนั้นระดับความสูงที่คุ้นเคยก็จะเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ แต่ส่วนสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงก็คือ การตระหนักว่า คุณมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ
เรา ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสิทธิที่จะประสบความสำเร็จ! ไม่ว่าคุณจะเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบใดก็ตาม ขอเพียงแต่คุณมุ่งมั่นในเป้าหมาย มีมานะอุตสาหะ มีความนับถือตนเอง และมีความคิดที่เป็นบวก ถ้าคุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยาก ในหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้รับรู้เรื่องราวของผู้คนมากมายที่แก้ปัญหาชีวิตและประสบความสำเร็จ เพราะได้รับแรงจูงใจจากพอล ฮันน่า
และคุณก็ทำได้ เช่นจากใจ
อมรรัตน์ ศรีสุรินทร์